I am an employee under the employment contract, temporary contract, consultant service contract or any other service contract (“Contract”) as the case may be who is the data subject, consent this form to Puumsoft Company Limited collectively called “Company”) where is the data controller.
I hereby consent the Company to store, use and disclose my sensitive data e.g. race, religious, health data (including health history, drug allergy, food allergy, any allergy, sick leave data, illness, accident), criminal record, disability, biometric including any sensitive data which may effect to me as same as such data type (collectively referred to as “Sensitive Data Processing”) for the following purposes;
Processing Area :
|
Job Application and Employment Management
|
Activities :
|
(1) Recruitment activities by Puumsoft including when Candidate and Employee contacts Puumsoft directly and internal recruitment.
|
(2) Examining criminal record (only specific position)
|
|
Processing Area :
|
Work performance management
|
Activities :
|
(1) Applying or renewing visa and work permit and requesting any permission for working
|
(2) Requesting for food allergy and any other allergies record in order to train or arrange for related activities.
|
|
Processing Area :
|
Compensation and welfare management
|
Activities :
|
(1) Recording medicine history and alleviating accident, incident, emergency case or danger against life, body, health of employee, including the security of employee
|
(2) Managing life insurance, group insurance, underwriting, reinsurance, consideration for insurance claim
|
(3) Disclosing employee data to outsource and consultant e.g. disclosure for survey and compensation analysis
|
(4) Managing advertising, public relations of which employee is a presenter either wholly or partly express himself in the media of Company.
|
(5) Birthday announcement and condolences on loss of employee’s family member and the request of food allergy record in order for activity and party arrangement
|
I acknowledged that Company may process Sensitive Data by itself or by the third parties, such as;
(1) Insurer and group insurer and reinsurer
(2) Service providers who related to human resources management e.g. bank, asset management company, human resources system administrator, training service provider, data storage in paper and electronic form etc.
(3) Service provider as related to building, place, hotel, travelling, and any activities
(4) Consultation services
(5) Hospitals or medical centers
(6) Government and regulators e.g. Office of Insurance Commission, Anti-Money Laundering Office, Royal Thai Police, Social Security Office, Revenue Department, police, prosecutor, court or any relative government authorities.
Period of Personal Data processing
I hereby consent the Company to store, use and disclose my sensitive data for the above purposes within the period of 10 years from the termination date of the Contract.
Personal Data Owner’s Rights
(1) Request a copy or a certified copy of your Sensitive Data;
(2) Request to make a change or correct your Sensitive Data;
(3) Request to suspend the use or the disclosure of your Sensitive Data;
(4) Request to erase or destroy your Sensitive Data;
(5) Request to disclose the method of obtaining your Sensitive Data for the case which your consent has not been made;
(6) Request to cancel your consent which you have previously made;
(7) Request to transfer your Sensitive Data to other data controller;
(8) Contact us or any relevant authorities, if necessary;
(9) Compliant us or Data Processor or our employee or our service provider in case such person did not comply with Applicable Personal Data Protection Law.
Remark:
Please note that if you choose to exercise your right in (3) (4) and (6), we will not be able to provide welfares as related to your withdrawal consent to you or oblige under Contract which effects to the termination.
Please contact HR in case you would like to exercise your right above.
เรื่อง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพนักงาน
บริษัท แพรคติก้า จำกัด
...............
เพื่อการดำเนินกิจการของ บริษัท แพรคติก้า จำกัด (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท ฯ”) ได้มีการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ทั้งข้อมูลทางด้านการค้าและข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับการประมวลผลของข้อมูลประเภทต่าง ๆ ซึ่งสามารถระบุตัวตนของบุคคลได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน สมาชิกในครอบครัวของพนักงาน พนักงานจากบริษัทภายนอก (outsource) ผู้สมัครงาน ที่ปรึกษา หรือบุคคลใด ๆ ที่ทำการติดต่อกับทางบริษัท ฯ
นโยบายฉบับนี้ได้ถูกออกแบบเพื่อเป็นมาตรการพื้นฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้กับบริษัท ฯ และนโยบายฉบับนี้ จะถูกใช้บังคับโดยบริษัท ฯ เว้นเสียแต่จะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลอื่นที่มีเงื่อนไขหรือหน้าที่ที่เข้มงวดยิ่งกว่ามาใช้บังคับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพนักงานของบริษัท ฯ มีความมั่นคงปลอดภัย น่าเชื่อถือ และมีการคุ้มครองข้อมูลอันเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
เพื่อส่งเสริมการใช้บังคับและการปฎิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ต่อไปนี้เรียกว่า “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ “PDPA”) บริษัท ฯ จึงเห็นสมควรให้มีการจัดตั้งช่องทางการติดต่อสำหรับ PDPA ขึ้น ในกรณีที่ท่านต้องการใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อสงสัยประการอื่นใดเกี่ยวข้องกับวิธีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ ท่านสามารถติดต่อมายังคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยอีเมล หรือเบอร์โทรด้านล่างนี้
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)
1. คุณธนเดช ธันย์ธาดากุล โทร 02-533-3955 ต่อ 440 Email: thanadej.tha@practika.com
2. คุณนริศรา ศรีเมฆ โทร 02-533-3955 ต่อ 831 Email: narissara.sri@practika.com
สถานที่ติดต่อ บริษัท แพรคติก้า จำกัด เลขที่ 1 /8 หมู่ 1 ถนน สุขาภิบาล 5 ซอย 94 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10220
1. คำจำกัดความ
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา (หรือเรียกว่า เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล) ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ข้อมูลส่วนบุคคลได้แก่ ชื่อ เลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (location) ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเตอร์เน็ต (online identifier) หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งมีลักษณะเป็น สิ่งบ่งเฉพาะทางด้านสรีระ ร่างกาย พันธุกรรม สถานะทางการเงิน วัฒนธรรมและสังคมของบุคคลธรรมดาได้
ข้อมูลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีลักษณะเป็นข้อมูลที่อ่อนไหว ห้ามมิให้เก็บรวบรวม โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ อันได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ สีผิว ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา รวมถึงพฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ และข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายแต่ละประเทศกำหนด ซึ่งหากบริษัทจะต้องการประมวลผลเพื่อเหตุใดเหตุหนึ่ง บริษัทฯจะทำการขอความยินยอมเป็นเรื่องๆ เฉพาะต่อไป
ผู้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล (เช่น บริษัท) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังกล่าวต้องไม่เป็น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า การดำเนินการใด ๆ หรือชุดของการดำเนินการใด ๆ ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะดำเนินการด้วยวิธีอัตโนมัติหรือไม่ (เช่น ซอฟต์แวร์) ตัวอย่างเช่น การเก็บรวบรวม ใช้เปิดเผยโดยการส่งผ่าน โอน ส่ง บันทึก จัดระเบียบ จัดโครงสร้าง จัดเก็บ ปรับหรือเปลี่ยนแปลง ดึง ให้คำปรึกษา เผยแพร่หรือ ทำให้สามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีอื่นใด รวม ปิดกั้น ลบ หรือการทำลายซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
2. หลักการในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องประมวลผลข้อมูลตามหลักการขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวข้องกับหลักการประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ สามารถติดต่อสอบถาม ช่องทางการติดต่อสำหรับ PDPA ได้ตลอดเวลา
ก. ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานบริษัทที่บริษัทเก็บรวบรวม ได้แก่
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรม แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องมีฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อที่จะประมวลผลได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และโดยหลักแล้วบริษัทฯจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะเมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้
● เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการ ดำเนินการตามคำขอ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา
● เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
● การให้ความยินยอม ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการขอความยินยอม ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกรวบรวมเพื่อ การประมวลผล สิทธิในการถอนความยินยอม ผลกระทบที่เป็นไปได้จากการใช้กระบวนการ ตัดสินใจอัตโนมัติและโปรไฟล์ลิ่ง และการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
● เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลภายนอกอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่า สิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากบริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลของท่านตามฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว บริษัทฯ อาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคของท่านตามฐานการประมวลผลและเพื่อความจำเป็นดังต่อไปนี้
● เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
● เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัทฯ
● เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ เพื่อประโยชน์ สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งจัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ใดประสงค์หนึ่งเป็นการเฉพาะแล้ว ท่านสามารถถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อ บริษัท ฯ จะหยุดการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวที่ท่านได้เคยให้ความยินยอมไว้ลงทันที และจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมต่อไป อย่างไรก็ตามบริษัท ฯ ยังสามารถประมวลผลข้อมูลของท่านต่อไปได้หากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนั้นดำเนินการตามฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ข. ความเป็นธรรม
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลขอยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกประมวลผลโดย
● ชัดแจ้ง เฉพาะเจาะจง และเพื่อวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องสอดคล้องกับกฎหมาย โดยบริษัท ฯ จะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เกินกว่าวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวม
● ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนหรือใน ขณะที่เก็บรวบรวมเท่านั้น หากเป็นไปได้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ หรือใช้นามแฝง เพื่อจำกัดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้มากที่สุดโดยอาจใช้ชื่อหรือสัญลักษณ์ชี้บ่งตัวบุคคลอื่นเพื่อให้ยากแก่การระบุตัวตน
● จำกัดเวลาและเฉพาะเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง
● ข้อมูลต้องมีความถูกต้อง และต้องมีการอัพเดทเสมอเมื่อจำเป็น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรการที่ เหมาะสมในการลบหรืออัพเดทข้อมูลส่วนบุคคลโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลชนิดนั้น ประกอบด้วย
ค. ความโปร่งใส (ประเภทของข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมและวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล)
โดยหลักแล้ว บริษัท ฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือ ได้รับมาโดยอ้อม และจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
● ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อ
● วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และฐานในการประมวลผลนั้น
● แจ้งให้ทราบถึงกรณีที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ด้วยชอบด้วยกฎหมายของผู้ ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงคำอธิบายของประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายนั้น
● ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจะถูกเปิดเผย
● การโอนหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศรวมถึงฐานในการ ส่งหรือโอนข้อมูลนั้น
● ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดระยะเวลา
● สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในการถอนความยินยอม
● สิทธิในการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง
● คำอธิบายเกี่ยวกับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลภายนอกว่าเป็นการปฏิบัติตาม สัญญา หรือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
● ในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก บริษัท ฯ ต้องแจ้งถึงการ เก็บ รวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นและประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวมให้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ
อย่างไรก็ตามหากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์หรือรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลอยู่แล้ว บริษัท ฯ จะไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าวโดยไม่จำเป็นให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบอีก
ง. ข้อมูลซึ่งจะถูกประมวลผล และวัตถุประสงค์ในการประมวลผล
ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัท ฯ ทำการประมวลผลและวัตถุประสงค์ในการประมวลผลโดยหลักได้แก่ข้อมูลดังต่อไปนี้
ลำดับ |
ประเภท |
วัตถุประสงค์ |
1. |
ขั้นตอนการสรรหาและจ้างบุคคลากร: ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น รูปถ่าย เพศ ศาสนา กรุ๊ปเลือด อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในบัตรประชาชน วันและ สถานที่เกิด ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ข้อมูลทางการศึกษา สถานะการจดทะเบียนสมรส เลขทะเบียนประกันสังคม ข้อมูล เลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษี ข้อมูลการผ่านการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลสุขภาพและความพิการ ข้อมูลผ่านการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ข้อมูลสูติบัตร ข้อมูลใบมรณบัตร ลายนิ้วมือ เป็นต้น |
เพื่อสรรหาบุคคลากรและขึ้นทะเบียนพนักงานในระบบการจ้างงานของบริษัท ฯ |
2. |
การจัดการทรัพยากรบุคคลและการบริหารทั่วไป: ชื่อ-นามสกุล ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในบัตรประชาชน อายุ เพศ กรุ๊ปเลือด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานะ น้ำหนักและส่วนสูง เชื้อชาติ และสัญชาติ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ เลขบัญชีธนาคาร รหัสพนักงาน ใบเสร็จรับเงิน รูปถ่าย ข้อมูลเงินเดือน เลขหนังสือเดินทาง ข้อมูลการผ่านการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลทางการศึกษา สำเนา (1) บัตรประชาชน (2) สูติบัตรและใบมรณะบัตร (3) ทะเบียนสมรส (4) บัตรประชาชนของบิดามารดา (5) ทะเบียนบ้าน และ (6) ใบรับรองแพทย์ เป็นต้น |
เพื่อจัดการด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรบุคคลและการบริหารทั่วไปเช่น การทำบัญชีเงินเดือนพนักงาน รายงานภาษี ประเมินผลการทำงาน เบิกจ่ายสวัสดิการ ฝึกอบรมภายในบริษัทและภายนอกบริษัท รับรองคุณสมบัติวิทยากรภายใน สรรหาเด็กฝึกงาน สัญญาจ้างบริษัทภายนอก (outsource) จัดการกล้อง CCTV จองตั๋วเครื่องบิน ตรวจสุขภาพพนักงาน การประกัน เป็นต้น |
3. |
การจัดการการแจ้งเบาะแสการกระทำผิด (Whistleblowing): |
เพื่อรับแจ้ง ดำเนินการสอบสวน รายงานบริษัท และดำเนินมาตรการแก้ไข |
4. |
การดำเนินงานบริหารจัดการบริษัท: ชื่อ-นามสกุล ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในบัตรประชาชน เลขทะเบียน ผู้เสียภาษี เลขทะเบียนประกันสังคม ข้อมูลการจ่ายประกันสังคม ข้อมูลเงินเดือนและผลประโยชน์ จำนวนภาษีที่จ่าย ข้อมูลทางการศึกษา ความพิการ สัญชาติ รูปถ่าย รหัสพนักงาน แผนกและตำแหน่งงาน ใบรับรองการฝึกงาน สำเนาบัตรประชาชนและหนังสือเดินทาง เป็นต้น |
เพื่อยื่นเอกสารที่จำเป็นต่อสำนักงานประกัน สังคม กรมสรรพากร สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานกรุงเทพมหานคร กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานเทศบาล และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง |
จ. การรักษาความลับและความถูกต้องครบถ้วน
บริษัท ฯ จัดให้มีมาตรการทั้งทางด้านเทคนิค และด้านองค์กรที่จำเป็น เพื่อให้ความมั่นใจว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มีการคุ้มครองที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการประมวลผลที่ขัดกับกฎหมาย การสูญหาย การทำลายข้อมูล หรือ อุบัติเหตุ บริษัท ฯ จะใช้มาตรการทางกายภาพ ทางอิเล็กทรอนิกส์และเชิงบริหารเพื่อทำให้มั่นใจว่าบริษัท ฯ รักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
● จัดให้มีการให้ศึกษาและฝึกอบรมแก่พนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานตระหนักถึงหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความเป็นส่วนตัวเมื่อจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคล
● การควบคุมด้านการบริหารและด้านเทคนิคเพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้เท่าที่จำเป็น
● มาตรการความปลอดภัยทางเทคโนโลยี
● มาตรการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ เช่น การจัดให้พนักงานตู้เก็บเอกสาร การจัดให้มีล็อคตู้เก็บเอกสาร ฯลฯ
ฉ. การให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น
ในบางกรณี ท่านอาจต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น (เช่น ญาติ ผู้รับผลประโยชน์) แก่บริษัท ฯ เช่น การจัดการโปรแกรมประกันสุขภาพและสวัสดิการต่าง ๆ สำหรับพนักงาน และข้อมูลการติดต่อกรณีฉุกเฉิน กรณีเช่นนี้ ท่านมีหน้าที่ต้องแจ้งบุคคลดังกล่าวทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้นั้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุ และต้องยืนยันว่าบุคคลนั้นได้ให้ความยินยอมแล้วหากกฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอม
3. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
ในบางกรณี บริษัท ฯ อาจมีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สามทั้งในและนอกบริษัท ฯอย่างไรก็ตาม การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะทำได้เฉพาะบนพื้นฐานแห่งความจำเป็นให้แก่ผู้รับซึ่งดำเนินการประมวลผลโดยมีวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะเจาะจง ทั้งนี้บริษัท ฯ จะปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นและเหมาะสม เมื่อทำการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม เพื่อรับประกันการรักษาความลับและความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สามอาจทำได้หลากหลายวิธี ตามที่ได้ระบุไว้โดยมีรายละเอียดดังนี้
ก. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัท ฯ
บริษัท ฯ สามารถส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลที่สามได้ก็ต่อเมื่อบริษัท ฯ ได้ปฎิบัติตามหลักการและหน้าที่ต่าง ๆ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวคือ บริษัท ฯ ที่โอนมีฐานตามกฎหมาย (ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การปฏิบัติตามสัญญา เป็นต้น) ในการส่ง หรือโอนนี้ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมนี้ บริษัทฯ จะต้องปฏิบัติตามหลักการอื่น ๆ ที่ระบุไว้ในข้อการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลแห่งนโยบายฉบับนี้
ข. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลภายนอก
นอกเหนือจากกรณีที่ระบุไว้ในย่อหน้าก่อน บริษัท ฯ อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และบุคคลภายนอกอื่นซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับมอบหมาย เช่น บริการสรรหาบุคคลากร บริการดูแลสุขภาพ บริการทำบัญชี บริการสอบบัญชี บริการทางธนาคาร บริการประกัน และบริการให้คำปรึกษาทางวิชาชีพต่าง ๆ เป็นต้น
ค. การส่งหรือโอนข้อมูลไปยังนอกราชอาณาจักร
นอกเหนือจากกรณีที่ระบุไว้ในย่อหน้าก่อน บริษัท ฯ อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และบุคคลภายนอกอื่นซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับมอบหมาย เช่น บริการสรรหาบุคคลากร บริการดูแลสุขภาพ บริการทำบัญชี บริการสอบบัญชี บริการทางธนาคาร บริการประกัน และบริการให้คำปรึกษาทางวิชาชีพต่าง ๆ เป็นต้น
ในกรณีอื่น ๆ บริษัท ฯ อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังนอกราชอาณาจักรได้เมื่อบริษัท ฯ ได้จัดให้มีมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมซึ่งสามารถบังคับตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และวิธีที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ในกรณีที่ไม่สามารถส่งหรือโอนข้อมูลไปนอกราชอาณาจักรได้ตามวิธีการที่ได้ระบุข้างต้น บริษัท ฯ ยังอาจสามารถส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปนอกราชอาณาจักรได้หลังจากได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ในการขอความยินยอมให้ส่งและประมวลผลข้อมูลในกรณีนี้ บริษัทฯ จะต้องแจ้งบุคคล ที่เกี่ยวข้องทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางที่รับข้อมูลแล้ว
4. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระบบของบริษัท ฯ อย่างปลอดภัยเป็นระยะเวลาอย่างน้อยสิบปีหลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน ทั้งนี้บริษัท ฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลานานขึ้นหากจำเป็นอย่างนานที่สุดดังนี้
● ตราบเท่าที่มีความจำเป็นตามสมควรต่อกิจกรรมหรือบริการที่เกี่ยวข้อง
● ตามระยะเวลาเก็บรักษาใด ๆ ที่กฎหมายกำหนด หรือ
● เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่อาจมีการดำเนินคดีหรือการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมายเกี่ยวกับบริษัท ฯ หรือโดยบริษัท ฯ
ในการกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท ฯ จะพิจารณาถึงปริมาณ ลักษณะ ความอ่อนไหวของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ความเสี่ยงของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลของบริษัทฯ บริษัทฯ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้นได้โดยวิธีอื่นหรือไม่ และข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลังจากสิ้นระยะเวลาที่กำหนด บริษัทฯ จะต้องลบ หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้หากบริษัท ฯ ยังมีความประสงค์ที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงสถิติ และอาจเก็บข้อมูลได้นานกว่าระยะเวลาที่กำหนดสำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดการข้อพิพาท การศึกษา หรือ เพื่อเก็บข้อมูล
5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้กำหนดสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังคงสามารถควบคุมการประมวลผลข้อมูลของตน ได้ตามสมควร ภายใต้นโยบายฉบับนี้ บริษัท ฯ ได้พยายามให้ข้อมูลแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้มากที่สุด
บริษัท ฯ เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจยังมีคำถามหรือประสงค์จะทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของตน บริษัท ฯ จึงเข้าใจถึงความสำคัญของสิทธิต่าง ๆ และจะปฏิบัติตามสิทธิเหล่านี้โดยพิจารณาถึงข้อจำกัดทางกฎหมายในการใช้สิทธิเหล่านี้ ทั้งนี้ สิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้แก่
ก. สิทธิในการเข้าถึง
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ฯ หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม อย่างไรก็ตามบริษัท ฯ อาจคิดค่าบริการตามสมควรสำหรับการขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ข. สิทธิในการขอแก้ไข
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าบริษัท ฯ เก็บรวบรวมข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิแจ้งให้บริษัท ฯ ทราบข้อเท็จจริงนั้นเพื่อให้ทำการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้องได้เสมอ อย่างไรก็ตามเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่บริษัท ฯ
ค. สิทธิในการลบหรือทำลาย
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัท ฯ ดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตนหาก การประมวลผลไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 33 พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
ง. สิทธิในการระงับการประมวลผล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ ดังต่อไปนี้
● เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโต้แย้งความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลในระหว่างระยะเวลาที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกำลังตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้น
● เมื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการลบข้อมูล
● เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นต่อบริษัท ฯ แล้ว แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อ ใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องหรือแก้ต่างตามกฎหมาย
● เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้โต้แย้งการประมวลผล ซึ่งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการ ตรวจสอบเกี่ยวกับเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิของ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
จ. สิทธิในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่ได้ให้แก่บริษัท ฯ ได้ในกรณีที่บริษัท ฯ ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมืออัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีอัตโนมัติ นอกจากนี้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังมีสิทธิในการขอให้บริษัท ฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (โดยตรงจาก บริษัท ฯ ) ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องให้ความยินยอมในการประมวลผลนั้น
ฉ. สิทธิในการคัดค้าน
กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถคัดค้านการประมวลผลนั้นได้เสมอ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังสามารถคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้หากมีเหตุผลบางประการซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะ ในกรณีนี้บริษัท ฯ ต้องหยุดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ บริษัท ฯ ได้แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผลที่สำคัญยิ่งกว่าผลประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องหรือยกขึ้นต่อสู้ตามกฎหมาย
ช. สิทธิในการถอนความยินยอม
ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะเจาะจงแล้ว ท่านสามารถติดต่อช่องทางการติดต่อสำหรับ PDPA เพื่อขอถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตามการถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ ไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
ซ. สิทธิในการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (หน่วยงานรัฐ) ที่เกี่ยวข้องหากพบว่าบริษัท ฯ ดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถใช้สิทธิของตนตามที่กำหนดไว้ในข้อ ก.- ซ. ข้างต้นได้โดยการส่งอีเมลหรือข้อความมายังช่องทางการติดต่อของบริษัท ฯ ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นของนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัท ฯ อาจมีความจำเป็นในการขอความร่วมมือในให้เจ้าของข้อมูลผู้นั้นพิสูจน์ตัวตน ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการใช้สิทธิโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยหลักแล้วบริษัท ฯ จะดำเนินการตามคำร้องขอของบุคคลผู้มีส่วนได้เสียภายใน 30 วัน หากไม่สามารถดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดได้บริษัท ฯ จะแจ้งเหตุผลในการดำเนินการล่าช้าให้ท่านทราบต่อไป
6. การปรับปรุงและแก้ไขนโยบายนี้
บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงและแก้ไขนโยบายฉบับนี้เมื่อจำเป็นและเพื่อทำให้กับสอดคล้องกับหน้าที่ตามกฎหมาย และ/หรือคำแนะนำของหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่กับกับดูแลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อบริษัท ฯ ดำเนินการดังกล่าว บริษัท ฯ จะแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่บนแพลตฟอร์มนี้และเปลี่ยนวันที่การเปลี่ยนแปลงของนโยบาย บริษัท ฯ แนะนำให้ท่านตรวจสอบวันที่บนนโยบายความเป็นส่วนตัวเมื่อท่านเข้าบริการออนไลน์นี้ เพื่อตรวจสอบว่ามีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหรือไม่ บริษัท ฯ จะแจ้งท่านหากมีการแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวซึ่งอาจส่งผลต่อวิธีการที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ปัจจุบันนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานถูกทบทวนครั้งล่าสุดเมื่อ วันที่ 20 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2564 โดยกำหนดให้มีการทบทวนนโยบายฉบับนี้อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง